Research

Research

Researcher: 

  • รศ.ดร.จรรยา ชาญชัยชูจิต – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (หัวหน้าโครงการวิจัย)
    Associate Prof. Dr. Janya Chanchaichujit – Prince of Songkla University (Project Leader)
  • ดร.สุริยันต์ จอมธนชัย – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
    Suriyan Jomthanachai – Prince of Songkla University
  • ดร.ณัฐยา ยวงใย-มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
    Dr. Nuttaya Yuangyai– Prince of Songkla University
  • น.ส.กันต์ฤทัย ชาญชัยชูจิต – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
    Kanruthai Chanchaichujit– Prince of Songkla University,
  • Associate Prof. Dr. Sreejith Balasubramanian -Middlesex University, Dubai, United Arab Emirates
  • Associate Prof. Dr. Wai Peng Wong- Monash University Malaysia

Funded by:  

  • หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)
    Program Management Unit Competitiveness (PMUC)
    และ บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)
    SCGJWD Logistics Public Company Limited

Duration:  

  • กรกฎาคม พ.ศ. 2567 – มิถุนายน พ.ศ. 2568
    July 2024 – Jun 2025

Status:  On-going

Abstract:

            โครงการวิจัย เรื่อง การขับเคลื่อนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัท SCGJWD Logistics (Decarbonizing SCGJWD Logistics) เป็นโครงการภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ประจำปีงบประมาณ 2567 และมี บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทเอกชนผู้ร่วมทุน โครงการนี้มี รศ.ดร.จรรยา ชาญชัยชูจิต ผู้อำนวยการศูนย์การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนอย่างยั่งยืน (LogSys PSU) คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย โดยโครงการวิจัยนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 12 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 ถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568

         อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์เป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emissions) สูงถึงร้อยละ 8-10 ของปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด (International Transport Forum Outlook, 2021) และจากการศึกษาของ International Transport Forum ได้มีการคาดการณ์ว่าปริมาณการขนส่งสินค้าจะเพิ่มขึ้นประมาณสามเท่าภายในปี ค.ศ. 2050  ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมขนส่งและ    โลจิสติกส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 หากอุตสาหกรรมนี้ยังไม่มีการดำเนินงานเพื่อการลดการปล่อยคาร์บอนอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ดังนั้น แนวทางและการดำเนินงานเพื่อการลดการปล่อยคาร์บอนจากอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน จากความท้าทายดังกล่าวจึงเป็นที่มาของโครงการวิจัยนี้ ดังนั้น โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) จัดทำแผนที่นำทางและกลยุทธ์สำหรับการขับเคลื่อนการลดคาร์บอน  (Develop decarbonization roadmap and strategies) ของบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้ในการวางเป้าหมายและแผนการดำเนินงานขององค์กร 2) จัดทำรายงานการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกของบริษัท 3) ขยายผลการจัดทำแผนที่นำทางและกลยุทธ์การลดการปล่อยคาร์บอน (Decarbonization roadmap and strategies adoption for supply chain network) จากกิจกรรมการดำเนินงานด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ไปยัง Supply Chain Network ของบริษัทผู้ร่วมทุน 4) สร้างความร่วมมือกับเครือข่ายขององค์กรที่ดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ (International network engagement) และ 5) เตรียมความพร้อมของบริษัทผู้ร่วมทุนในการเข้าร่วมประเมิน Dow Jones Sustainability Indices (DJSI)

– สำหรับข้อมูลของโครงการสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ รศ. ดร.จรรยา ชาญชัยชูจิต หัวหน้าโครงการ –

Research

Researcher: 

  • รศ.ดร.จรรยา ชาญชัยชูจิต – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (หัวหน้าโครงการวิจัย)
    Associate Prof. Dr. Janya Chanchaichujit – Prince of Songkla University (Project Leader)
  • Dr. Sreejith Balasubramanian- Middlesex University Dubai

Funded by:  

  • งบประมาณเพื่อสนับสนุนงานมูลฐาน (Fundamental Fund; FF) ประจำปี 2567 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

Duration:  

  • ตุลาคม พ.ศ. 2566- กันยายน พ.ศ. 2566

Status:  On-going

Abstract:

      อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์เป็นอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยประกอบกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นที่องค์กรต่างๆทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ในการทำธุรกิจ ดังนั้นการบริหารจัดการของธุรกิจนี้จึงต้องคำนึงถึงมิติทางสิ่งแวดล้อมควบคู่กับแนวทางการบริหารจัดการที่เดิมให้ความสำคัญเฉพาะประเด็นด้านการสร้างผลกำไรเพียงอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้แนวคิดกรีนโลจิสติกส์ (Green Logistics ) จึงมีบทบาทต่อกระบวนการดำเนินงานของธุรกิจในการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการดำเนินงานซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลงไปด้วย สำหรับแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมขนส่งสำหรับรถบรรทุกตามแนวคิดกรีนโลจิสติกส์สามารถดำเนินการได้หลายแนวทาง เช่น 1) การเลือกใช้พลังงานทางเลือก เช่น EV Truck แทนการใช้พลังงานจากฟอสซิล 2) การปรับปรุงประสิทธิภาพรถและการขับขี่ เช่น Eco Driving และ 3) การปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่ง เช่น การใช้ระบบสารสนเทศในการวางแผนเส้นทางเดินรถเพื่อให้มีเส้นทางขนส่งที่สั้นที่สุด การเพิ่มความถี่ในการส่งมอบสินค้าเพื่อลดการจัดเก็บสินค้า และ หากลไกการสร้างความร่วมมือกับบริษัทอื่นๆในโซ่อุปทานเพื่อประโยชน์ในการใช้ทรัพยากรร่วมกัน (Sharing Platform) เช่นรถบรรทุก หรือ คลังสินค้า เพื่อช่วยในการลดการขนส่งเที่ยวเปล่า การลดปริมาณรถบรรทุกที่บรรทุกไม่เต็มคัน เป็นต้น จะเห็นว่าแนวทางเหล่านี้เป็นแนวทางที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดต้นทุนที่เป็นตัวแปรหลักของธุรกิจการขนส่งและโลจิสติกส์ลงได้ ตลอดจนเป็นการเพิ่มการใช้ทรัพยากรในการขนส่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและทำให้สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากภาคการขนส่งอย่างลงได้ ดังคำกล่าวที่ว่า “Every dollar saved through green logistics efforts is a dollar for profitability” (LOCUS, 2021) อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทขนส่งต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กยังขาดแรงจูงใจ (Motivation Readiness) ในการดำเนินการเนื่องจากยังขาดความรู้ความเข้าใจถึงประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับ และที่สำคัญยังขาดเครื่องมือในการประเมินผลลัพธ์ที่ได้ (Carbon Footprint Calculation Tool) จากการดำเนินงานตามแนวคิด Green Logistics

  จากปัญหาความท้าทายนี้จึงเป็นที่มาของโจทย์วิจัยของโครงการวิจัยนี้ในการพัฒนาระบบในการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ( Carbon footprint ) และต้นทุน (Costs) จากการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งจากตามแนวคิด Green Logistics เพื่อให้บริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ใช้เป็นเครื่องมือในการคำนวณ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon footprint) และต้นทุน (Costs) จากกิจกรรมการดำเนินงานของบริษัทเพื่อใช้ในการตั้งเป้าหมายการลดกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท (Target) และจัดทำ Carbon Emissions Reporting & Disclosure ของบริษัทในอนาคต 

– สำหรับข้อมูลของโครงการสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ รศ. ดร.จรรยา ชาญชัยชูจิต หัวหน้าโครงการ –

โครงการพัฒนาระบบจัดการข้อมูลการติดตามและประเมินผลการใช้ประโยชน์ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์

Researcher: 

  • รศ.ดร.จรรยา ชาญชัยชูจิต – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (หัวหน้าโครงการวิจัย)
    Associate Prof. Dr. Janya Chanchaichujit – Prince of Songkla University (Project Leader)
  • น.ส.กันต์ฤทัย ชาญชัยชูจิต – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
    Ms. Kanruthai Chanchaichujit– Prince of Songkla University

Funded by:  
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) (Thailand Center of Excellence for Life Sciences)

Duration:  
พฤษภาคม พ.ศ. 2566 – ตุลาคม พ.ศ. 2566

Status: Completed

Abstract:

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบจัดการข้อมูลการติดตามและประเมินผลการใช้ประโยชน์ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ สำหรับโครงการวิจัยต่างๆ ที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) ภายใต้ “แพลตฟอร์มเชื่อมโยงนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์รังสีวินิจฉัยและการรักษาสู่การใช้งานจริงและอุตสาหกรรมการแพทย์ (Medical AI Connecting to the medical industry Project) เพื่อให้สามารถติดตามและประเมินผลกระทบด้านต่างๆที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานเช่น ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงผลกระทบด้านอื่นๆที่เหมาะสม  เพื่อให้ผู้ประเมินโครงการสามารถติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

– สำหรับข้อมูลของโครงการสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ รศ. ดร.จรรยา ชาญชัยชูจิต หัวหน้าโครงการ –

โครงการพัฒนา Net Zero Emissions Execution Roadmap and Tools เพื่อขับเคลื่อนการเป็นผู้ให้บริการไปรษณีย์และ
โลจิสติกส์อย่างยั่งยืน บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
The Development of Net Zero Emissions Execution Roadmap and Tools for Sustainable Logistics and Parcel Delivery Service:
Thailand Post Company Limited

Researcher: 

  • รศ.ดร.จรรยา ชาญชัยชูจิต – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (หัวหน้าโครงการวิจัย)
    Associate Prof. Dr. Janya Chanchaichujit – Prince of Songkla University (Project Leader)
  • รศ.ดร.เกื้ออนันต์ เตชะโต – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
    Associate Prof. Kua-anan Techato – Prince of Songkla University
  • ผศ.ดร.ฆายนีย์ ช.บุญพันธ์ – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
    Assistant Prof. Dr. Kayanee Chor Boonpunth– Prince of Songkla University
  • น.ส.กันต์ฤทัย ชาญชัยชูจิต – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
    Ms. Kanruthai Chanchaichujit– Prince of Songkla University,
  • ผศ.ดร.ศรัณยู กาญจนสุวรรณ – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
    Assistant Prof. Dr. Sarunyoo Kanchanasuwan – Prince of Songkla University
  • ดร.สุริยันต์ จอมธนชัย – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
    Dr. Suriyan Jomthanachai – Prince of Songkla University
  • Dr. Sreejith Balasubramanian -Middlesex University, Dubai, United Arab Emirates

Funded by:  
หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)
Program Management Unit Competitiveness (PMUC)
และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท)
Thailand Post Company Limited (Thailand Post)

Duration:  
เมษายน พ.ศ. 2566 – กันยายน พ.ศ. 2567
April 2023 -September 2024

Status:  On-going

Abstract:
โครงการพัฒนา Net Zero Emissions Execution Roadmap and Tools เพื่อขับเคลื่อนการเป็นผู้ให้บริการไปรษณีย์และโลจิสติกส์อย่างยั่งยืน บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (The Development of Net Zero Emissions Execution Roadmap and Tools for Sustainable Logistics and Parcel Delivery Service (Thailand Post)) เป็นโครงการวิจัยที่ศูนย์การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนอย่างยั่งยืน (LogSysPSU) คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ประจำปีงบประมาณ 2566 ซึ่งมีบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เป็นบริษัทเอกชนผู้ร่วมทุน และมีรศ. ดร.จรรยา ชาญชัยชูจิต เป็นหัวหน้าโครงการ ทั้งนี้ การดำเนินการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแผนการดำเนินงาน (Execution Roadmap) เครื่องมือ (Tools) และกลยุทธ์การดำเนินงาน (Strategies) ในการบริหารจัดการเพื่อลด GHG Emissions เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันแก่ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์และขับเคลื่อนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ของประเทศไทย ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมและการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากแรงกดดันด้านกฎระเบียบทางการค้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (Law and Regulation Force) รวมถึงความต้องการของคู่ค้า (Suppliers Force) และลูกค้า (Consumer Force) ที่เน้นให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเป็นลำดับแรกในการทำธุรกิจ โดยโครงการวิจัยนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 18 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2566 ถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2567
– สำหรับข้อมูลของโครงการสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ รศ. ดร.จรรยา ชาญชัยชูจิต หัวหน้าโครงการ –

Environmental responsibility is an issues that every country around the world pay attention to especially on business practices to reduce environmental impacts (Decarbonize) to drive the net zero greenhouse gas emissions target. The climate change issue has been accepted by all sectors around the world as “Global Agenda”. This goal has push the Thai Transport, Freight and Logistics sector having to redesign their business operations to minimize environmental impacts especially greenhouse gas emissions and at the same time with a clear results assessment and measurement. However, this sector in Thailand currently is still lacking guidelines and tools to do so. This challenges has form this research questions and objective as follows: 1) To develop Net Zero Emissions Execution Roadmap, 2) To develop organization tools and strategies to manage environmental impacts from their organization, 3) To prepare GHG Emissions Disclosure and Report for organization, 4) To increase the competitiveness of organization from legal and customer requirements that shift to focus on environmental and sustainability issues and 5) To support and be part of all sectors in Thailand to drive the Net Zero Greenhouse Gas Emissions target.

– More information about the project please contact Assoc. Prof. Dr. Janya Chanchaichujit (Project Leader) – 

Sustainable and Smart Agricultural Supply Chains Development in Mekong Countries

Researcher: 

  • Associate Prof. Dr. Janya Chanchaichujit – Prince of Songkla University, Thailand
  • Dr. Sreejith Balasubramanian -Middlesex University, Dubai, United Arab Emirates

Funded by:  Mekong Institute (Mekong-Republic of Korea Cooperation Fund (MKCF)) 

Duration:  March -September 2022

Status : Completed

Abstract:

       This research project is part of Mekong Institute’s project on “Sustainable and Smart Agricultural Supply Chains Development in Mekong Countries” with the aim of improving production effectiveness and efficiency, reducing post-harvest losses, and increasing energy efficiency in agricultural supply chains through cold chain development and smart and sustainable technologies in post-COVID situation in the Mekong countries, namely Cambodia, Lao PDR, Myanmar, Thailand and Vietnam funded by the Mekong-Republic of Korea Cooperation Fund (MKCF). With a focus on capacity development for stakeholders and beneficiaries in the target countries, the project is in an urgent need to transform agricultural supply chains (production, processing, and distribution) in the Mekong Countries through the application of the smart agricultural, logistics and renewable energy technology. This is intended to eventually contribute to the achievement of sustainable development goals (SDG)- ending poverty and hunger, promoting efficient energy, and responding to climate change while achieving inclusive growth, building resilient society, and sustainable natural resources.

       This research is conducted to understand the readiness of smart logistics technologies and smart renewable energy technology in the agricultural sector. The specific objectives are as follows:

  • To gain understanding of the status and readiness of smart logistics technologies and smart renewable technologies and its adoption in the agriculture sector in five Mekong countries, namely Cambodia, Lao PDR, Myanmar, Thailand and Vietnam;
  • To identify different types, functions, and suitable adaptation of technologies including integrated energy saving devices and applications in logistics and transportation for agricultural production in Cambodia, Lao PDR, Myanmar, Thailand and Vietnam;
  • To assess human and system capacity needs of government agencies and other stakeholders on the use of identified logistics technologies in the agricultural products transportation and storage in the five Mekong countries;
  • To suggest and make practical recommendations for effective improvements of key government agencies and the private sector to achieve full operationalization of smart logistics technologies and smart renewable energy technology in agricultural product in the five Mekong countries.

For further information about the project, please contact Associate Prof. Dr. Janya Chanchaichujit.

Digital Connectivity in MSMEs in the Lancang-Mekong Countries

Researcher: 

  • Associate Prof. Dr. Janya Chanchaichujit – Prince of Songkla University, Thailand
  • Dr. Sreejith Balasubramanian – Middlesex University, Dubai, United Arab Emirates

Funded by: Mekong Institute (Lancang Mekong Corporation Fund) 

Duration: January -May 2022

Status : Completed

Abstract:

         Digitalization is the use of digital technologies to change a business model and provide new revenue and value-producing opportunities (Gartner, 2022). It holds enormous potential to support growth, promote innovation and facilitate connectivity. COVID-19 has acted as a catalyst for digital transformation. Digital connectivity has proven to be a crucial factor, allowing economies to successfully contain the spread of the virus and enabling business continuity across the globe, saving millions of jobs. For instance, digital cash transactions through mobile phone platforms have reduced the risk of COVID-19 spread associated with physical cash transactions.

         Studies have shown that technology adoption has enhanced the competitiveness of Micro, Small, and Medium-sized Enterprises (MSMEs) (UNCTAD, 2020). As diverse as they are, emerging digital technologies offer MSMEs a range of applications and solutions to improve performance and overcome the size-related limitations they face in doing business compared to large firms. Digital tools such as e-commerce platforms, resource management, and collaboration software have helped small companies and start-ups leverage their networks and employees (The Network Readiness Index, 2021). 

        Despite potentially significant benefits, MSMEs still lag in digitalization (OECD, 2021). Since over 95% of all firms in many countries and regions are MSMEs, their digitalization is critical for innovation, economic growth, and job creation. It plays a crucial role in creating sustainable societies (OECD, 2021). MSMEs’ failure to adapt to technological changes may further entrench digital inequalities vis-à-vis large firms. Enabling MSME digitalization has become a top policy priority for most countries because the MSME digital gap has increased inequalities among people, places, and firms. There are concerns that the benefits of the digital transformation could accrue to large firms broadening these inequalities.

        To foster digitalization and adoption of innovative technologies in MSMEs, Mekong Institute (MI), with the support of the People’s Government of the People’s Republic of China, is implementing the project on “Fostering Digital Connectivity in the Lancang-Mekong Countries.” The project seeks to identify challenges and opportunities in digital connectivity in the MSMEs sector and enhance the key stakeholders’ capacity to adopt digital platforms and technologies, contributing to enhanced digital connectivity among LMC member countries.

       This study looks at the status of MSMEs’ digital uptake, including in the context of the COVID-19 crisis in Lancang-Mekong countries. This research aims to be an evidence-based study to understand the current status, issues, challenges, and opportunities of digital connectivity for MSMEs in LMC. The specific objectives of this study are as follows:

  • Examine the current status of the adoption of digital technology by MSMEs in the Lancang-Mekong countries
  • Identify the primary enablers and benefits of digital technology adoption for MSMEs in the Lancang-Mekong countries
  • Examine the main challenges and barriers facing MSMEs for digital technology adoption in the Lancang-Mekong countries
  • Provide recommendations for future actions that will enhance the digitalization and digital connectivity of MSMEs in the Lancang-Mekong countries

For further information about the project, please contact Associate Prof. Dr. Janya Chanchaichujit.

Visibility Hotspot in Supply Chain

Researcher:

  • Dr. Funlade Sunmola – University of Hertfordshire, UK
  • Mr. Patrick Burgess – University of Hertfordshire
  • Associate Prof. Dr. Janya Chanchaichujit – Prince of Songkla University
  • Dr. Sreejith Balasubramanian – Middlesex University, Dubai
  • Dr. Mahmud Mustafa
  • Dr. Albert Tan – Asia Institute of Management, Philippines

Duration: January -December 2022

Status : Completed

Abstract:
       The COVID-19 pandemic has provided significant supply chain challenges for companies across sectors, including a largely negative impact on end-to-end visibility of supply chains. Supply chain visibility has been widely defined as the “traceability and transparency of supply chain processes” referring to, the extent to which actors within the chain have access to, or share, mutually benefiting information that is key or useful to their operations and supports decision making. Risks in supply chain visibility are present in day-to-day business operations. Existing risks have been amplified, and new ones have emerged from the COVID-19 Pandemic. It is becoming increasingly important to identify the risks and the associated “hotspots” that come with those risks. “Hotspots” referring to the “issues most likely to trigger punishing stakeholder reactions”. Therefore, the proposed case study takes a unit of study “visibility risks and associated hot-spots”, within a context, in this case, a “end-to-end food supply chain”, over a certain period “pre, during, and post COVID-19” is used to assess the phenomena of visibility risks and associated hotspots, that have emerged throughout the COVID-19 Pandemic within the supply chain.

       This research is aimed at investigating supply chain visibility risks and associated hotspots supply chains experience during COVID-19 Pandemic, and how the management of the risks and hotspots have developed the COVID-19 Pandemic. The data that will be used to achieve the research aim will be obtained from supply chain leaders in the food industry through a single case study approach.
For further information about the project, please contact Associate Prof. Dr. Janya Chanchaichujit.

Essential Skills and Competencies for Supply Chain Professionals and Future Leaders in Asia

Researcher: 

  • Dr. Albert Tan , Asian Institute of Management (AIM) , Philippines
  • Dr. Sreejith Balasubramanian, Middlesex University, Dubai, United Arab Emirates
  • Dr. Siti Norida, Universiti Teknologi MARA, Malaysia
  • Associate Prof. Dr. Janya Chanchaichujit, Prince of Songkla University, Thailand
  • Dr. Juliater Simarmata, ITL TRISAKTI, Indonesia
  • Ms. Nguyen Thi Hong Hanh, Ton Duc Thang University, Vietnam
  • Dr. Sumit Mitra, IIM, Kozhikode, India

Duration: September 2021 -July 2022

Status : Completed

Abstract:

       The aim of this research is to identify the supply chain skills required by supply chain managers in Asia, and suggest the key skills and competencies that all professionals need to acquire. Supply chain executives used to be experts at managing supply chain functions such as transportation, warehousing, inventory management, and production planning. But the supply chain process extends end-to-end within the firm and even outside the firm, including the relationships with suppliers and customers on a global basis. Leading firms now see the supply chain functional leader as the necessary executive to coordinate the end-to-end supply chain process, even though he or she does not control it all. The battle for top supply chain talent must be focused on acquiring people with process expertise, not simply functional competence. The mental shift to supply chain-as-a-process leads inevitably to the shift of the role of the supply chain executive from a functional focus to process focused, and to supply chain leadership becoming part of the executive team. That role requires the need to bring value in terms not only of educating the CEO and the board and giving them the vocabulary to talk about supply chain subjects and its critical role in creating economic profit, but in finding and driving opportunities to increase economic profit.

        Executives can enhance the essential skills and competency from this book to guide them in new pursuing their supply chain management education and training programs while HR managers can include these competencies when recruiting new staff for supply chain professionals. We plan to conduct online survey (see questionnaire in Appendix) for 10 countries targeting 300 to 400 supply chain professionals. After analyzing the data from the survey, we will conduct 1-to-1 interview with senior supply chain professionals to confirm the essential skills and competency to be successful. This is the first time that we are attempting to identify the skills and competencies from Asia countries as most of the studies are conducted in USA and Europe. Mckinsey consultancy believe that leaders should take this moment not just to fix their supply chains temporarily, but to transform them. Reimagining supply chains to avoid past traps and meet future needs will require a more comprehensive approach in reskilling the supply chain professionals to build new competency for the new norm.
For further information about the project, please contact Associate Prof. Dr. Janya Chanchaichujit.